กรณีศึกษา เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ ธนาคาร CIMB THAI เป็นธนาคารที่ชนะใจนักลงทุน CIMB THAI
X ลงทุนแมน
การที่จะตัดสินใจใช้บริการหรือเป็นลูกค้าธนาคารใดธนาคารหนึ่ง
หลายคนมักเลือกธนาคารที่มีชื่อเสียง ตัดสินใจเลือกเพราะความคุ้นเคย
หรือความสะดวกในการเข้าถึงสาขา
ตรงนี้เองที่เป็นหนึ่งในเหตุผลทำให้ธนาคารขนาดใหญ่มีลูกค้าในมือจำนวนมหาศาล
แต่ในยุค Digital ทำให้การบริการทางการเงินเข้าถึงได้สะดวกสบาย
ข้อจำกัดลดลงธนาคารยักษ์ใหญ่จึงไม่ได้เป็นผู้นำทางการเงินในทุกด้านอีกต่อไป
การแข่งขันนั้นกลับไปขึ้นกับความสามารถเฉพาะทาง ความคล่องตัวในการนำเสนอบริการทางการเงิน
รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันมีธนาคารขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เป็นผู้นำตลาดด้านการลงทุนหลากหลายประเภท
ธนาคารนั้นมีชื่อว่า CIMB THAI
ที่น่าสนใจก็คือ ธนาคาร CIMB THAI จะเป็นผู้นำตลาดการลงทุนประเภทไหนบ้างแล้วมีวิธีการอย่างไร
ที่ทำให้ธนาคารตัวเองโดดเด่นในสายตานักลงทุน
ลงทุนแมน จะเล่าให้ฟังข้อมูล สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เปิดเผยว่า
ในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา กลุ่ม ธนาคาร CIMB THAI มีส่วนแบ่งตลาดหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอยู่ที่
36.33% หรือคิดเป็นมูลค่า 17,707 ล้านบาท เป็นอันดับหนึ่งแซงหน้าทุกสถาบันการเงิน
และในปีเดียวกันข้อมูลจาก Thai BMA ระบุว่า ธนาคาร CIMB THAI มีส่วนแบ่ง 11.52%
ครองอันดับหนึ่งในตลาดค้าตราสารหนี้ทุกประเภท ด้วยมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท
ที่น่าตื่นใจก็คือในผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น ๆ CIMB THAI ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน
เช่น เป็นธนาคารที่จำหน่ายหุ้นกู้เอกชนตลาดแรกที่มีส่วนแบ่ง 12.28%ครองตำแหน่งอันดับ 3
ในตลาดที่แข่งขันสูงนี้ ด้วยการนำ Digital มาผสานกับทีมงานผู้แนะนำการลงทุนที่แข็งแกร่ง
ในการจัดจำหน่ายโดยไม่ต้องพึ่งจำนวนสาขาอีกต่อไป
หลายคนคงถามว่า CIMB THAI มีวิธีหรือกลยุทธ์เด็ดอะไร
ที่ชนะใจนักลงทุนสิ่งแรกที่เห็นชัดสุดก็น่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์การลงทุน ที่ครอบคลุม
และตอบโจทย์ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน โลกการเงินหมุนไปอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับมีผลิตภัณฑ์การเงินให้เลือกลงทุนหลากหลายการจะรับผลตอบแทนที่อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์หรือฝากประจำที่
0.2-1.2% ต่อปี
ดูเป็นทางเลือกที่หลายคนมองว่า ไม่คุ้มค่าเท่าไร เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น
ๆ ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น ซึ่งผลตอบแทนจะมากจะน้อย
ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
นอกจากการลงทุนในกองทุนรวมที่ดูเหมือนจะคล้าย ๆ กันไปทุก ๆ ที่ ธนาคาร CIMB THAI
ก็ได้สร้างสรรค์การลงทุนรูปแบบอื่น ๆ ให้นักลงทุนได้เลือกอีกหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น
หุ้นกู้อนุพันธ์ตระกูล Maxi ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ธนาคาร CIMB THAI
ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดนี้ สิบกว่าปีมาแล้ว หรือ ผลิตภัณฑ์ KIKO ที่อ้างอิงกับราคาหุ้นใน SET50
ที่หลาย ๆ คนเริ่มจะคุ้นหู ธนาคาร CIMB THAI นี่เองที่นำมาเสนอให้นักลงทุนรู้จักเป็นที่แรก
การลงทุนประเภทนี้ มีระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 15 วันจนถึง 3 ปีโดยมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตั้งแต่
1.6-30% ต่อปี ซึ่งผลตอบแทนจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิงและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ธนาคาร CIMB THAI ก็กำลังพัฒนาหุ้นกู้อนุพันธ์ต่างประเทศ ร่วมกับทาง CIMB Group เพื่อ
ต่อยอดการกระจายความเสี่ยง และ ผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้แก่นักลงทุนเร็ว ๆ
นี้และใครที่ไม่พร้อมรับความเสี่ยงสูง ก็จะมี ตราสารหนี้ ซึ่งผู้ออกก็คือรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ
บริษัทเอกชน โดยทาง ธนาคาร CIMB THAI จะเป็นตัวแทนขายให้
โดยมีระยะเวลาลงทุนตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 15 ปี โอกาสได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 0.5-5%
ต่อปีขึ้นกับอายุและเรตติงหุ้นกู้ของแต่ละบริษัท
แน่นอนว่า ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้มาง่าย ๆ ต้องใช้เวลา
และความตั้งใจในการรวบรวมทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถมารวมกันไว้ในที่ที่เราเคยได้ยินกันว่า
ห้องค้า
แล้วคนเหล่านี้เค้าทำอะไรกัน ห้องค้า ก็เหมือนหัวใจของธนาคาร
ที่คอยสูบฉีดกระแสเงินไปในที่ที่สำคัญของระบบการเงินไทย ให้เกิดสภาพคล่องที่มีเสถียรภาพ
เรื่องที่ใกล้ ๆ ตัวเราก็คือ เงินฝาก เงินกู้ รวมไปถึง หลักทรัพย์ ตราสารทางการเงิน
ที่เราพูดถึงกันอยู่อีกด้วย ธนาคาร CIMB THAI นี้เอง
ก็เป็นผู้เล่นหลักในการสร้างสภาพคล่องให้กับตราสารการลงทุนประเภทต่าง ๆแต่ถึงอย่างไร
ก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงได้ว่า การลงทุนทุกรูปแบบมี ความเสี่ยง ซ่อนอยู่
พอเป็นแบบนี้ก็เลยทำให้ทาง ธนาคาร CIMB THAI ให้ความสำคัญกับ คนห้องค้า ซึ่งเปรียบเสมือน กุนซือ
ที่ทำงานใกล้ชิดกับตลาดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศนั่นแปลว่า
เค้าจะมีข้อมูลอยู่ในมือมหาศาลและอัปเดตตลอดเวลาซึ่งก็จะนำข้อมูลต่าง ๆ
มาวิเคราะห์และนำเสนอแก่นักลงทุนเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนข้อดีก็คือจะทำให้นักลงทุนรู้จังหวะการเข้าลงทุนและขายทำกำไรในแต่ละครั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเองพอเป็นแบบนี้
ก็เลยทำให้ ธนาคาร CIMB THAI
ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการที่สามารถเพิ่มสภาพคล่องการลงทุนให้แก่ลูกค้าเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อนักลงทุนมองเห็นโอกาสใหม่
ๆพร้อมกับเชื่อว่านี่คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสิ่งที่ตามมาก็คือ
อยากขายทำกำไรทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่
ก็เลยทำให้ทาง ธนาคาร CIMB THAI มีบริการซื้อขายพันธบัตรและหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดอายุ
เพื่อให้ลูกค้าที่เป็นนักลงทุนมีกระแสเงินสดอยู่ในมือ
เพื่อนำไปลงทุนครั้งใหม่ที่ตัวเองมองว่าน่าสนใจกว่านั่นเอง เข้ากับสโลแกนที่ว่า หุ้นกู้ดีดี
มีได้ทุกวัน
นอกจากนี้ ก็ยังให้บริการ สินเชื่อ Wealth Credit Line เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุน
โดยไม่ต้องเพิ่มเงินลงทุน สำหรับลูกค้าที่อาจจะยังไม่อยากขายหลักทรัพย์นั้น ๆ
และสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินเพื่อต่อยอดการลงทุนได้อีกด้วยจะเห็นได้ว่าวิธีคิดของธนาคาร
CIMB THAI ในตลาดการลงทุนหรือที่เรียกว่าธุรกิจ Wealth Management
คือใช้วิธีดูแลนักลงทุนอย่างครบครันเช่น ผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหลาย,
พนักงานให้คำปรึกษาด้านการลงทุนใกล้ชิดจนถึงบริการทางเลือกให้ลูกค้าสลับปรับเปลี่ยนการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาเพราะแนวคิดหลักของ
ธนาคาร CIMB THAI คือ Value Your Uniquess
คุณค่าเหนือระดับในแบบฉบับการลงทุนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดยการวางเป้าหมายให้ลูกค้าได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุดในกรอบความเสี่ยงที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละท่าน
เพื่อต่อยอดความมั่งคั่งของตัวเองไปเรื่อย ๆ ผลลัพธ์ก็คือ
นักลงทุนก็จะเป็นลูกค้ากับทางธนาคารในระยะยาวสุดท้ายแล้ว
ไม่ว่าโลกการลงทุนและการเงินจะหมุนเร็วขึ้นกว่าในอดีตมากแค่ไหน
สถาบันการเงินกับลูกค้าที่เป็นนักลงทุน จะต้องเติบโตไปพร้อม ๆ
กันสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของ ธนาคาร CIMB THAI ได้ที่
02-638-8277
Source: Bloomberg, ลงทุนแมน
ที่ปรึกษาส่วนตัวด้านการลงทุน เพิ่มโอกาสให้คุณไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้เร็วกว่า ด้วยคำแนะนำที่ใช่คุณ